wellcome to blogger freemmie

wellcome to blogger freemmie

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทินครั้งที่  1ุ6
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิ่น
วันพฤหัสบดี  ที่  30  เดือนเมษายน พ.ศ.2558
ครั้งที่  16  กลุ่ม  103   ห้องเรียน 443
เวลาเรียน 14.10 - 16.40 น.

    ในสัปดาห์นี้อาจารยได้ให้นักศึกษาออกไปสอบร้องเพลงที่อาจารย์เคยสอนมา  โดย  มีทั้งหมด 30 เพลง  โดยให้ออกไปจับฉลากว่าตนเองได้เพลงอะไร   และอาจารย์จะเป็นคนจับลำดับเลขที่การออกไปร้องตามลำดับ  โดยดิฉันได้เพลง  กายบริหาร   โดยมีเนื้อหาเพลงดังต่อไปนี้

เพลง กายบริหาร

ฝึกกายบริหารทุกวันร่างกายเเข็งเเรง
ฝึกกายบริหารทุกวันร่างกายแข็งเเรง
ร่างกายสมส่วนแคล่วคล่องว่องไว
ร่างกายสมส่วนแคล่วคล่องว่องไว  






ประเมินการเรียนการสอนรายสัปดาห์

ประเมินตนเอง
ในรายสัปดาห์นี้ตั้งใจเรียนและแต่งกายเรียบร้อยและเข้าเรียนตรงต่อเวลา  และได้ึกซ่อมร้องเพลงเป็นอย่างดี  มีการซ้อมจากที่บ้านจึงสามรถจำเนื้อร้องเพลงได้
ประเมินเพื่อน
ในรายสัปดาห์นี้เพื่อนสอบร้องเพลงกันเกือบทุกคน  ทุกคนมีความเตรียมพร้อม  บางคนก็ตื่นเต้น  ร้องผิดเพี้ยน้างตามความสามารถของตนเอง
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
ในรายสัปดาห์นี้อาจารย์แต่งกายเรียบร้อย  เข้าสอนตรงต่อเวลา  สอนสนุกสนาน  เฮฮา ขำขันเพราะเพื่อนร้องเพลงกันตลก  ผิดคีย์บ้าง  ผิดทำนองบ้าง

วัน เสาร์ ที่ 2 เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2558

บันทึกอนุทินครั้งที่  15
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิ่น
วันอังคาร  ที่  21  เดือนเมษายน พ.ศ.2558
ครั้งที่  15  กลุ่ม  103   ห้องเรียน 443
เวลาเรียน 14.10 - 16.40 น.

       ในรายสัปดาห์นี้ก่อนเริ่มการสอน อาจารย์ได้ให้นักศึกษาเล่นเกมดิ่งพสุธา  โดยมีคำถามทั้งหมด 4 ข้อ และให้นักศึกษาร่วมกันตอบคำถาม  โดยมีเฉลยมาให้     บรรยายกาศในการเล่นเกมก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน  เพราะคำตอบนั้นนักศึกษาเข้าใจและรู้ลึกรู้ซึ้งเป็นอย่างดีคะ







    หลังจากความสนุกสนานจไปแล้ว  ก็เข้าสู่กิจกรรมการเรียนการสอน  หืมมมมมม   พออาจารย์จะสอนก็เสียงเจี้ยวจ้าวกันเลยทีเดียว   เนรคทุกป้ายเเวะเติมน้ำมัน  หะ พอพอพอ  เข้าสู่บทเรียน
     วันนี้เราจะเรียนกันเรื่อง  โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล  ( Individualized  Education  Program )
การเขียนแผน IEP เป็นแผนที่ไม่ได้เขียนคนเดียว  ไม่เหมือนแผนการสอน  แผน IEP จัดทำกันหลายคน  คือ  ครู   หมอ   ผู้ปกครอง   ผู้บริหาร   ดังนั้นแผนจะสำเร็จได้นั้นหลาย่ายต้องช่วยเหลือกัน แผน  IEP  1  แผนสามารถใ้ได้ถึง  1  ภาคเรียนหรือเทอมนึง  ในการเขียนแผน  IEP นั้นครูต้องคัดแยกเด็ก  ครูต้องทราบลายละเอียดเด็กอย่างละเอียด ทุกอย่างต้องรู้ลึกรู้จริงการเขียนที่ต้องพ้นไปแล้ว  1 เทอมถึงจะเขียนได้  เพราะเวลา 1 เทอมครูสามารถศึกษาพฤติกรรมเด็กได้เป็นเวลาพอสมควร    แผน IEP  นั้นจะประกอบด้วย 
  • ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
  • ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
  • การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
  • เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น  ( สำคัญมาก )
  • ระบุวัน เดือน  ปี ที่เริ่มทำการสอน   และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน  
  • วิธีการประเมิน
       แผน  IEP  เป็นแผนการศึกษาที่ร่างขึ้น  เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน และการ่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเรา ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก  โดยมีการระุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก   

แผน  IEP มีประโยน์ต่อผู้เรียนคือ 

  1. ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
  2. ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
  3. ได้รัการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
  4. ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ
        ซึ่งในการเขียนแผน  IEP นั้นครูต้องคัดแยกเด็ก ครูต้องทราว่าเด็กมีปัญหาอะไร  ครูประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ  จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน  ในทักษะใด  และเด็กสามารถทำอะไรได้  เด็กไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วจึงจะเริ่มเขียนแผนได้

แผน  IEP  มีประโยชน์ต่อครูผู้สอนคือ 
  1. เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกัความต้องการและความสามารถของเด็ก
  2. เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
  3. ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
  4. เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
  5. ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ
แผน  IEP มีประโยชน์ต่อผู้ปกครองคือ
  1. ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล   เพื่อให้เด้กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุดตามศักยภาพ
  2. ผู้ปกครองทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนเองอย่างไร
  3. ผู้ปกครองเกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก   มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง  และใกล้ิชิดระหว่างบ้านกับโรงเรียน
ในการจัดทำแผน  IEP จะต้องมีการประุมผู้ที่เกี่ยวข้อง   และร่วมกันกำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น  กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม  และจะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุก่ายที่เกี่ยวข้อง   โดยทุกคนต้องยินยอม   ลงลายมือชื่อถึงจะนำแผนไปใช้ได้ 

ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล  IEP

การกำหนดจุดมุ่งหมาย   มีทั้งระยะสั้นและระยะยาว

การรวบรวมข้อมูล  เ่ช่น  การรายงานทางการแพทย์   รายงานการประเมินด้านต่างๆ  หรือจะเป็นบันทึกจากผู้ปกครอง  ครู  และผู้ที่เกี่ยวข้อง  

จุดมุ่งหมายระยะยาว  
 ในการเขียนแผน  IEP  จะเป็นการเขียนแผนที่มีความหมายกว้างๆ แต่ตรงประเด็น  ตัวอย่างเช่น
  • น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้
  • น้องดาวร่วมมือกับคนอื่นได้ดี
  • น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นได้
จุดมุ่งหมายระยะสั้น
ต้องให้อยู่ภายในจุดมุ่งหมายหลัก เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ  2-3 สัปดาห์  จะต้องระบุุขัดเจน   เช่น
  • ใคร        ธนกรณ์
  • อะไร      นั่งเงียบโดยไม่พูดคุย
  • เมื่อไหร่ / ที่ไหน   ระหว่างครูเล่านิทาน
  • ดีขนาดไหน   ช่วงเวลาการเล่านิทาน 10-15 นาทีเป็นเวลา  5  วันติดต่อกัน
การใช้แผน  IEP 

เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์  ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้นและนำมาเป็นจุดหมายเิงพฤติกรรม แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็กจัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น  ตัดกระดาษ  การร้อย  การปั้น  ครูต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถ  โดยคำนึงถึง
  1. ขั้นตอนพัฒนาการของเด็กปกติ
  2. ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการของเด็ก
  3. อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก
การประเมินผล
  • โดยทั่วไปจะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น  ควรมีการกำหนดวิธีการประเมิน  และเกณฑ์การวัดผล  ***การประเมินในแต่ละทักษะหรือแต่ละกิจกรรมอาจใช้วิธีการวัดและกำหนดเกณฑ์แตกต่างกัน
การจัดทำแผน  IEP

1.การรวบรวมข้อมูล   2.การจัดแผนข้อมูล   3.การใช้แผน  4.การประเมิน






ประเมินการเรียนการสอนรายสัปดาห์

ประเมินตนเอง
ในรายสัปดาห์นี้ตั้งใจเรียนและแต่งกายเรียบร้อยและเข้าเรียนตรงต่อเวลา  ตั้งใจฟัง ตั้งใจจด
ประเมินเพื่อน
ในรายสัปดาห์นี้เพื่อนมาเรียนครบ  ตั้งใจเรียนและร่วมกิจกรรมเป็นอย่างดี แต่เสียงดัง  พูดคุยกันขณะนั่งเรียน
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
ในรายสัปดาห์นี้อาจารย์แต่งกายเรียบร้อย  เข้าสอนตรงต่อเวลา  สอนเข้าใจรู้เรื่อง  มีเทคนิคการสอนต่างๆมากมาย  สนุกสนานในการเรียน



วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

วันจันทร์ ที่ 20 เดือนเมษายน พ.ศ.2558

บันทึกอนุทินครั้งที่  14
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิ่น
วันอังคาร  ที่  14  เดือนเมษายน พ.ศ.2558
ครั้งที่  14  กลุ่ม  103   ห้องเรียน 443
เวลาเรียน 14.10 - 16.40 น.

***ในรายสัปดาห์นี้ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากปิดเทศการสงกราน หรือปีใหม่ไทย


               

               



วันจันทร์ ที่ 20 เดือนเมษายน พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทินครั้งที่  13
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิ่น
วันอังคาร  ที่  7  เดือนเมษายน พ.ศ.2558
ครั้งที่  13  กลุ่ม  103   ห้องเรียน 443
เวลาเรียน 14.10 - 16.40 น.

    ในรายสัปดาห์นี้เป็นการเรียนการสอนการส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ  โดยที่ผ่านมา  ได้เรียนไปแล้ว 3  ด้านคือ  ด้านทักษะสังคม  ด้านทักษะภาษา  ด้านทักษะการการช่วยเหลือตนเอง  ในสัปดาห์จึงเป็นความรู้เกี่ยวกับทักษะพื้นฐานทางการเรียน  ซึ่งเป็นทักษะสุดท้าย  ซึ่งในการเขียนแผน  IEP นั้นเราจะต้องใส่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องของ  4  ทักษะนี้   โดยจำไว้ว่าเป้าหมายหลักๆของการส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางการเรียนเราต้องเตรียมความพร้อมของเด็ก คือ  การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้  และมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง ซึ่งจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกที่ดีที่ตนสามารถ ทำอะไรด้วยตนเองได้  ซึ่งเด็กจะเกิดการพัฒนาความกระตือรือร้น  อยากรู้อยากเห็น  อยากสำรวจอยากทนลองการส่งเสริมพื้นฐานการเรียนรู้ไม่ใช่เพียงแต่ให้เด็กสามารถบวกลบคูณหารเป็น  ครูต้องช่วยให้เด้กเเต่ละคนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองให้ได้ด้วย  โดยเราตัวครูคอยให้คำแนะนำ คำปรึกษาอยู่ห่างๆ   ในการสอนเด็กนั้นช่วงความสนใจเด็กมีไม่มากนั้น  เช่นเด็กพิเศษช่วงความสนใจเขาจะมีเพียง  5 - 10  นาที  ดังนั้นในการเล่านิทานหากมีเด็กพิเศษเรียนด้วย  นิทานเรื่องนั้นควรเป็นนิทานที่ฟังจนจบ  มีหน้าไม่มากเกินไป    แต่หากเป็นกิจกรรมอื่น  เช่น  กิจกรรมศิลปะ  ก็ควรเป็นกิจกรรมที่ง่ายๆ เด็กสามารถทำแปปเดียวเสร็จ ไม่ต้องมาก  ไม่ต้องยาก  เพื่อให้เด็กรู้สึกว่า ตนเองทำได้  หนูทำได้
      การเลียนแบบ  การเรียนรู้ส่วนมากใช้วิธีการเรียนรูัแบบเลียนแบบ  จาก  ครู  เพื่อน  หรือผู้ที่มาอายุมากกว่า   การกระตุ้นการทำตามคำสั่ง  คำแนะนำนั้น ในการสั่งอาจเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้คือ   เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดไม่ชัดเจน     เด็กไม่เข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้   คำสั่งของครูผู้สอนยากมีความซับซ้อนเกินไป

เคสตัวอย่าง 
ในห้องเรียนเด็กอนุบาล  มีเด็กชื่อซอนย่า เป็นเด็กดาว์นซินโดรม มีความบกพร่องทางสติปัญญา  โคโมโซมตัวที่  21  ขาดหายไป  1 แท่ง  แต่ครูต้องการให้น้องซอนย่าเลียนแบบเพื่อนในการเรียนรู้   โดยมีน้องหมิวเป็นเด็กปกติ  ครูต้องการให้น้องซอนย่าไปหยิบกระเป๋าให้ครู   เพราะฉนั้นครูต้องให้น้องซอนย่าทำตามน้องหมิว  ดังนั้นในการใช้ให้เด็กซอนย่าและน้องหมิวไปหยิบกระเป๋า  ครูต้องเรียกชื่อน้องซอนย่าก่อน   คือ  น้องซอนย่า น้องหมิวไปหยิบกระเป๋าสีชมพูบนโต๊ะให้ครูหน่อยลูก   พอน้องซอนย่าเห็นน้องหมิวลุกขึ้น น้องซอนย่าก็จะลุกขึ้นตาม  ในการเรียกชื่อครูต้องตั้งสติน้องซอนย่าก่อน เอาเด็กพิเศษขึ้นก่อนเสมอเพื่อดึงสติ

- การรับรู้ทางการเคลื่อนไหว
คือ   การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง  5  คือ  การได้ยิน  การมองเห็น  การสัมผัส  การลิ้มรส   การดมกลิ่น   ถ้าหากคนปกติ  ถ้าเราใช้ประสาทสัมผัสทั้ง  5  ด้วยคนปกติจะตอบสนอง   แต่ถ้าเด็กพิเศษจะไม่ตอบสนองเราต้องเรียกและเข้าไปเตะตัวเลย

เคสตัวอย่าง 
ในบางกรณี   ถ้วยกาแฟ  ถ้าหากเด็กปกติจับถ้วยกาแฟร้อนๆ  มือจะถึงเด็กจะเกิดความร้อนของกาแฟเด้กจะกะชากมือออก   แต่เด็กพิเศษซึ่งตรงกันข้ามคือ   เวลาอาจผ่านไปสัก  3  นาทีถึงเด็กจะมีความรู้สึกว่าร้อนถึงจะกะชากมือออกซึ่งเป็นเรื่งอปกติ     ในการจัดของเล่นควรมีน้ำหนัก   มีพื้นผิว  เพื่อให้เขามีความรู้สึก   เพื่อที่จะกระตุ้นความรู้สึกเขาเยอะๆ

- การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก



จากภาพจะเห็นได้ว่า   ภาพที่  1  มีความเหมาะสมกับเด็กมากที่สุด  คือ   มีความเล็ก   สะดวก   ปลอดภัย  ปลายกรรไกรโค้งมน    ซึ่งมีความเหมาะสมมากกับเด็กอนุบาล  

-  ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ   


จะเห็นได้ว่า  ภาพที่  2   ไม่เหมาะสมกับเด็กเพราะตัวต่อมีเยอะเกินไป


จากภาพนั้น  เป็นการต่อบล็อก   โดยวิธีการเล่นนั้นครูเป็นผู้ต่อบล็อกให้เด็กได้ดู   เป็นตัวอย่างเพื่อเป็นแนวทางในการต่อบล้อกให้เกิดการเรียนรู้   ในการเล่นนั้น  1. เด็กสามารถเล่นกับเพื่อน  2.ในการเล่นนั้นเด็กสามารถวนกิจกรรมเอาเพื่อให้เดผ้กช่วยกันต่อบล้อก  ซึ่งกิจกรรมนี้จะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกที่ดี   และคิดว่าตนเองสามารถทำได้   อีกทั้งกิจกรรมนี้ยังช่วยฝึกสมาธิ   และช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้อเล็กในการทำกิจกรรมอีกด้วย   

ในการทำกิจกรรมนั้นมีประโยชน์มากมายซึ่งส่งผลต่อความจำของเด็ก  เช่น  ในการทำกิจกรรมเราสามารถให้เด็กเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในการทำกิจกรรม
  จากการสนทนา   เช่น 
-  เมื่อเช้าหนูทานอะไร
- แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
- จำตัวละครในนิทาน
- จำชื่อครู  หรือเพื่อน
- เล่นเกมทายของที่หายไป

ทักษะด้านคณิตศาสตร์  วิทยาศาสตร์  

เช่น  การจำแนก   เปรียบเทียบ   การชั่ง  การตวง     การคาดคะเน  เป็นต้น


จากภาพนั้นเด็กจะได้ เรื่อง  มิติสัมพันธ์  เครื่องเล่นข้างบน - ข้างล่าง  

การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ  
  • จัดกลุ่มเด็ก
  • เริ่มต้นเรียนรู้โดยช่วงเวลาสั้นๆ
  • ให้งานเด็กเเต่ละคนอย่างชัดเจน ว่าต้องทำที่ไหน  
  • ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
  • ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
  • บันทึกว่าเด็กชอบอะไรมากที่สุด
  • รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
  • มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
  • เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง
  • พูดในทางที่ดี
  • จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
  • ทำบทเรียนให้สนุก    
หลังจากได้เรียนรู้ไปแล้วอาจารย์ก็เปิดวีดีโอให้ดู  ในวีดีโอนั้นเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายซึ่งไม่มีแขนทั้งสองข้าง  แต่สามารถดำรงชีวิตได้แบบคนปกติ  ซึ่งทำให้รู้ว่าเรามีครบทั้ง  32  เราควรทำตัวให้มีค่าอย่าย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง  ขนาดน้องเขามีไม่ครบ  32  น้องเขายังสู้ชีวิตและดำรงชีวิตอย่างมีความสุข   หากเราท้อเมื่อไหร่เราสามารถนึกถึงน้องเขาได้เพื่อเป็นเเรงผลักดันในการต่อสู้กับอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง   เพราะในโลกนี้มีคนที่ลำบากและแย่กว่าเราเยอะ  เกิดเป็นคนสู้ดินรนต่อไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ  และยั้งคิดเสมอว่าทุกวันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต  สู้สู้คะ 


การประเมินการเรียนรู้รายสัปดาห์  

ประเมินตนเอง
 ตั้งใจเรียน  ตั้งใจจด  ตั้งใจฟัง   ไม่พูดคุยเสียงดัง  แต่งกายเรียนร้อย เข้าเรียนตรงเวลา
ประเมินเพื่อน
เพื่อนมาเรียนตรงต่อเวลา   ตั้งใจเรียนทุกคน  น่ารักพูดมาก 555
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
อาจารย์มีเทคนิคการสอนใหม่ๆเข้ามา  เช่น การเล่นเกม  การนำวีดีโอมาให้ชม   เพาเว้อพ้อยที่นำเสนอก็มีเนื้อหาที่ชัดเจน    เข้าสอนตรงต่อเวลา  แต่งกายเรียบร้อยควรเอาเป็นตัวอย่าง

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

วัน จันทร์ที่ 6 เดือน เมษายน พ.ศ.2558

บันทึกอนุทินครั้งที่  12
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิ่น
วันอังคาร  ที่  31  เดือนมีนาคม พ.ศ.2558
ครั้งที่  12  กลุ่ม  103   ห้องเรียน 443
เวลาเรียน 14.10 - 16.40 น.

***  ในรายสัปดาห์นี้อาจารย์ได้งดการเรียนการสอน  เนื่องจากมีกีฬาสีคณะศึกษาศาสตร์  โดยอาจารย์มอบหมายให้นักศึกษาทุกคนไปช่วยการทำอุปกรณ์เชียร์  แสตน  และเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาสีคณะศึกษาศาสตรฺ์  โดยนักศึกษาทุกคนก็ให้ความร่วมมือกันอย่างดี  และบางคนลงกีฬาเพื่อเป็นตัวแทนของเอกปฐมวัย  โดยการแข่งขันครั้งนี้เอกปฐมวัยก็ได้รางวัลมามากมาย  ทั้งแสตนเชียร์  เชียร์หลีดเดอร์  และกีฬาอื่นๆอีกมากมายคะ


 

 

วันอังคาร ที่ 25 เดือนมีนาคม พ.ศ.2558

บันทึกอนุทินครั้งที่  11
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิ่น
วันอังคาร  ที่  25  เดือนมีนาคม พ.ศ.2558
ครั้งที่  11  กลุ่ม  103   ห้องเรียน 443
เวลาเรียน 14.10 - 16.40 น.

  *** ในรายสัปดาห์นี้อาจารย์ประจำวิชาได้จัดสอบกลางภาคเรียน  โดยให้นักศึกษาเข้าสอบทุกคน โดยเนื้อหาการสอบอาจารย์ได้สอนไปแล้วทั้งหมดให้นักศึกษากลับไปทบทวน อ่านให้ดี  โดยมีคะเเนนเต็ม  10  คะเเนน  สรุปในรายสัปดาห์นี้จึงงดการเรียนการสอน  แจ้งมาเพื่อทราบค่ะ



วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558

วันเสาร์ ที่ 21 เดือนมีนาคม พ.ศ.2558

บันทึกอนุทินครั้งที่  10
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิ่น
วันอังคาร  ที่ 18  เดือนมีนาคม พ.ศ.2558
ครั้งที่  10  กลุ่ม  103   ห้องเรียน 443
เวลาเรียน 14.10 - 16.40 น.


                  ในการสัปดาห์นี้เริ่มต้นด้วยการ อาจารย์นำสีและแผ่นซีดีเพลงมาแจก และ ได้ให้เล่นเกมส์  ไร่สตอเบอร์รี่      โดยมีวิธีการเล่นเกมส์ดังนี้      มีคำถามทั้งหมด  4  ข้อ


 

 



  1. รั้วสตอเบอร์รี่ไร่ของตัวเองเป็นอย่างไร
  2. หากเข้าไปในสวนสตอเบอร์รี่คุณจะกินสตอเบอร์รี่กี่ลูก
  3. หากเจ้าของสวนเข้ามาเห็นคุณจะทำอย่างไร
  4. หากออกมาจากสวนสตอเบอร์รี่คุณรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์เมื่อซักครู่นี้
คำตอบ และ คำเฉลย

  1. ตอบรั้วเหล็กสูง    หมายถึง    ยิ่งสูงยิ่งยับยั้งชั่งใจ
  2. ตอบไม่กินค่ะ    แต่เก็บใส่ถังและจ่ายตังค์กลับบ้าน  หมายถึง  ลักษณะการมีกิ๊ก
  3. ตอบหนูไม่ได้ขโมย   แต่ เก็บแล้วจะไปจ่ายเงิน   หมายถึง   ถ้าแฟนจับได้
  4. ตอบน่าจะขออนุญาติเขาก่อน   หมายถึง   ความรู้สึก
        หลังจากเล่นเกมส์ไปอย่างสนุกสนานแล้ว อาจารย์ก็ได้ให้ฝึกหัดร้องเพลงเด็กปฐมวัย  5  เพลง  และเข้าสู่กระบวนการเรียนการสอน   การส่งเสริมทักษะการช่วยเหลือตนเอง  เป็นทักษะสุดท้าย ในด้านสังคมเด็กพิเศษนี้ให้เขามีอิสระในการดำรงณ์ชีวิตให้มากที่สุดคือ   การกินอยู่    การเข้าห้องน้ำ    การแต่งกาย  รวมไปถึงกิจวัตรประจำวันต่างๆ   เด็กพิเศษจะไม่ค่อยมีอิสระในตนเองดังนั้นเราควรส่งเสริมให้เขาทำด้วยตนเอง

การสร้างความอิสระ
การสร้างความอิสระให้กับเด็กควรให้ทำดังนี้   เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง   อยากทำงานตามความสามารถเด็กเรียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อนหรือเด็กที่โตกว่า     เพราะเด็กทุกคนต้องการทำอะไรด้วยตนเองขณะเด็กพิเศษยังชอบเรียนแบบเพื่อน หรือเด็กที่โตกว่า   เช่น   การผูกเชือกรองเท้า
ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญเช่น  การได้ทำอะไรด้วยตนเองเด็กจะเกิดความเชื่อมั่นในตนเองและเกิดความรู้ความรู้สึกที่ดี




หัดให้เด็กทำเอง
ในการปฏิบัติให้เด็กทำเองนั้นครูต้องทำดังนี้   ครูไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น  อดทนอย่าใจอ่อน  เพราะผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆ ให้เด็กมากเกินไปทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เอง  หากให้เวลาเขาทำครูต้องห้ามพูดว่า  ..หนูทำช้า  ...หนูยังทำไม่ได้    ครูที่ดีควรทำให้เด็กแค่เรื่องที่เด็กขอ   เช่น   การผูกเชือกรองเท้า    เด็กขอให้ครูผูกแค่เชือกรองเท้า  แต่ครูใส่รองเท้าถุงเท้าให้หมด  อันนี้ผิด
เคสตัวอย่าง    น้องดาวซินโดรมคนหนึ่งครูจะพาไปเล่นกลางแจ้งแต่ในห้องเรียนมีเด็กปกติ แต่น้องดาวคนนี้ใส่รองเท้าไม่ได้  สิ่งที่ครูและเด็กควรกระทำคือ
  1. สอนให้เด็กรู้จักการรอคอย  
  2. ให้กำลังใจเด็กทีรอก่อน
  3. ไม่ให้เด็กคนอื่นพูดให้น้องดาวซินโดรมน้อยใจ
  4. ครูซักถามเด็ก   ไหนมีใครอยากช่วยเพื่อนไหม    เด็กทุกคนก็จะรู้สึกดีเพราะทุกคนเป็นเด็กเรียนรวมทุกคนต้องรอคอย
จะช่วยเมื่อไหร่ 
ครูควรจะช่วยเด็กหากิจกรรมมาช่วยเพราะหากไปคยันคยอเด็ก เด็กไม่ทำหรอก  เพราะจะมีบางวันที่เด็กไม่อยากทำอะไรหลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว    หรือเมื่อเด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้     แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการหรือมักช่วยในช่วงกิจกรรม


ทักษะการช่วยเหลือตนเอง  อายุ  2-3 ปี




การแต่งกาย




การกินอาหาร




การอาบน้ำและเข้าห้องน้ำ




ทั่วไป

- ถอดเสื้อออกได้
- เปลี่ยนเสื้อได้
- อาจเลิกทำได้ง่ายๆ
- ต้องการคนช่วยเหลือแต่ก็ร่วมมือดี



- ใช้ช้อนส้อมได้
- แต่ชอบใช้มือและช้อนมากกว่า
- ป้อนอาหารที่ชอบได้เอง
- ดื่มน้ำจากแก้วได้

- บอกว่าจะเข้าห้องน้ำโดยไม่ทำเลอะก่อน
- กลั้นปัสสาวะ อุจจาระได้



- เปิดประตูเลื่อนหรือลูกบิดได้
- ขึ้นลงบรรไดโดยเกาะราวได้
- เลื่อนเก้าอี้มายืนเพื่อปีนหยิบของ


ทักษะการช่วยเหลือตนเอง  อายุ  3-4 ปี


การแต่งกาย


การกินอาหาร

การอาบน้ำและข้าห้องน้ำ

ทั่วไป

-ถอดเสื้อได้เรียบร้อย  รวดเร็ว
- ใส่เสื้อ  ถอดกระดุม  รูดซิปได้คล่อง
- เก็บเสื้อแขวนใส่ตู้ได้




- ใช้ช้อนส้อมได้คล่อง
- รินน้ำจากเหยือกใส่แก้วได้
- กินอาหารรวมกับคนในครอบครัวได้

- ชอบอาบน้ำเอง
- เล่นน้ำในอ่างจะไม่ค่อยเลิก
-อาบไม่สะอาด
-ตื่นนอนตอนกลางวันและขอให้พาไปห้องน้ำ

- บอกอายุ เพศ  ชื่อ  นามสกุลตนเองได้
-ทำตามคำสั่ง 2-3 อย่างได้
-แยกจากพ่อแม่ไปโรงเรียนได้


ทักษะการช่วยเหลือตนเอง  อายุ  4-5 ปี


การแต่งกาย


การกินอาหาร

การอาบน้ำและเข้าห้องน้ำ       

ทั่วไป

-ร้อยเชือกรองเท้าได้
-ถอดหรือใส่เสื้อได้โดยมีคนช่วย
-บอกด้านหน้า  ด้านหลังของเสื้อได้




-ใช้มีด  ช้อน  ส้อม
-กินอาหารได้เองโดยไม่ต้องป้อน
-ผู้ใหญ่อาจคลุกหรือฉีกเนื้อให้ก่อน

- อาบน้ำ  เช็ดตัวเอง
- เข้าห้องน้ำ  ล้างมือ  ล้างก้นได้

- เล่นกับเพื่อนบ้านเมื่อเรียกก็กลับ
- ทิ้งของเล่นต้องเตือนให้เก็บ
- ช่วยงานบ้าน  เช่น   จัดโต๊ะ  ทิ้งขยะ  ให้อาหารสัตว์


ทักษะการช่วยเหลือตนเอง  อายุ  5-6 ปี


การแต่งกาย


การกินอาหาร

การอาบน้ำและเข้าห้องน้ำ

ทั่วไป

- ผูกเชือกรองเท้าได้ 
- แต่งตัวเองไดทุกขั้น
- ช่วยน้องแต่งตัวได้





- กินอาหารด้วยช้อนส้อมได้  แต่มักไม่เรียบร้อย
- ไม่ค่อยสระผม
- รู้จักมารยาทในการรับประทานอาหาร

- อาบน้ำ  เช็ดตัวเอง
- ไม่ค่อยสระผม
- เข้าห้องน้ำขับถ่ายได้เอง

- ไปโรงเรียน
- นำเงินไปใช้ได้เล็กน้อย
- จัดเตียงตนเอง
- เอาเสื้อใช้แล้วใส่ตะกร้า


ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง  ครูต้องย่อยงานให้เด็กเป็นทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ  เรียงตามลำดับขั้นตอน   เช่น   การเข้าส้วม
  • เข้าไปในห้องส้วม
  • ดึงกางเกงลงมา
  • ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
  • ปัสสาวะหรืออุจจาระ
  • ใช้กระดาษขำระเช็ดก้น
  • ทิ้งกระดาษชำระในตะกร้า
  • กดชักโครกหรือตักน้ำราด
  • ดึงกางเกงขึ้น
  • ล้างมือ
  • เช็ดมือ
  • เดินออกจากห้องส้วม



ในการทำกิจกรรมนั้นควรมีการวางแผนและแยกกิจกรรมเป็นขั้นย่อยๆ ให้มากที่สุด

สรุป      ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ  เพราะ  ความสำเร็จขั้นเล็กๆ นำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล  ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเองและเด็กสามารถพึ่งตนเองได้และรู้สึกว่าตนเองเป็นอิสระสามารถช่วยเหลือตนเองได้

เพลงนกกระจิบ 

นั่นนกบินมา ลิบลิบ
นกกระจิบ  1 2 3 4 5
อีกฝูงบินล่ิงลิยมา  6 7 8 9 10 ตัว



เพลงเที่ยวท้องนา 

ฉันท่องเที่ยวไป
ผ่านตามท้องไร่ท้องนา 
เห็นฝูงวัวกินหญ้า  1 2 3 4 5 ตัว
หลงเที่ยวเพลิดเพลิน
ฉันเดินพบอีกฝูงวัว
นับนับดูจนทั่ว  6 7 8 9 10 ตัว



เพลงแม่ไก่ออกไข่

แม่ไก่ออกไข่วันละฟอง
ไข่วันละฟอง  ไข่วันละฟอง
แม่ไก่ของฉันไข่ทุกวัน
1  วันได้ไข่ 1 ฟอง



เพลงลูกแมวสิบตัว 

ลูกแมวสิบตัวที่ฉันเลี้ยงไว้
น้องขอให้แบ่งไป 1 ตัว
ลูกแมว 10 ตัวก็เหลือน้อยลงไป
นับดูใหม่เหลือลูกแม่ 9 ตัว  



เพลง  ลุงมาชาวนา

ลุงมาชาวนาเลี้ยงวัว  เลี้ยงควาย
เอาไว้ใช้ไถนา
ลุงมาชาวนาเลี้ยงหมา  เลี้ยงแมว
ไว้เป็นเพื่อนลุงมา
*หมาก็เห่า  บ๊อก บ๊อก
แมวก็ร้อง เมี๊ยว  เมี๊ยว
ลุงมาไถนา  วัวร้อง  มอ  มอ



ประเมินการเรียนการสอนรายสัปดาห์

ประเมินตนเอง
ในรายสัปดาห์นี้ตั้งใจเรียนและแต่งกายเรียบร้อยและเข้าเรียนตรงต่อเวลา  ตั้งใจฟัง ตั้งใจจด
ประเมินเพื่อน
ในรายสัปดาห์นี้เพื่อนมาเรียนครบ  ตั้งใจเรียนและร่วมกิจกรรมเป็นอย่างดี แต่เสียงดัง  พูดคุยกันขณะนั่งเรียน
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
ในรายสัปดาห์นี้อาจารย์แต่งกายเรียบร้อย  เข้าสอนตรงต่อเวลา  สอนเข้าใจรู้เรื่อง  มีเทคนิคการสอนต่างๆมากมาย  สนุกสนานในการเรียน 

Cute Grapes 2 เอาไปใช้แล้วช้วยเม้นท์หน่อยนะ^^ Cute Grapes 2