wellcome to blogger freemmie

wellcome to blogger freemmie

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

วันเสาร์ ที่ 31 เดือนมกราคม พ.ศ.2558

บันทึกอนุทินครั้งที่  3
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิ่น
วันอังคาร  ที่ 27 เดือนมกราคม  พ.ศ.2558
ครั้งที่  3  กลุ่ม  103   ห้องเรียน 443
เวลาเรียน 14.10 - 16.40 น.



         ในรายสัปดาห์นี้เป็นการเรียนการสอนอยู่ 2 เรื่องคือ
1.การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
2.บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม

   โดยอาจารย์ผู้สอนได้พูดถึงการศึกษาแบบเรียนรวมก่อน โดยอธิบายดังนี้  การศึกษาแบบเรียนรวม  เป็นการสอนรูปแบบใหม่  สมัยก่อนมีแต่การศึกษาแบบทั่วไป  โดยคนทั่วไปเรียน  แต่พวกเด็กพิเศษจะอยู่บ้าน  เพราะบิดามารดาของเด็กพิเศษคิดว่าการมีลูกพิการเป็นเรื่องน่าอับอาย จึงให้เด็กอยู่เเต่ในบ้าน หลบๆ ซ่อนๆ   แต่หลังจากนั้นรัฐบาลให้ความสำคัญจึงตั้งการศึกษาพิเศษขึ้น เช่น  เด็กพิเศษ  เด็กสมาธิสั้น  โดยมีการแบ่งเด็กพิเศษก็เรียนกับเด็กพิเศษ  เด็กปกติก็เรียนกับเด็กปกติ  มันก็มีข้อเสียบ้างคือ เด็กสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง   เด็กไม่ค่อยเกิดการพัฒนา  เจอเเต่เด็กพวกเดียวกัน  ปรับตัวยาก   ไม่มั่นใจในตัวเอง      จากนั้นจึงมีการศึกษารูปแบบใหม่แบบเรียนร่วม  จนสุดท้ายจึงเกิดเป็นคำว่า  การศึกษาแบบเรียนรวม

รูปแบบการศึกษา
- การศึกษาปกติทั่วไป  (Regular Education )
- การศึกษาพิเศษ ( Special Education )
-การศึกษาแบบเรียนร่วม ( Integrated Education  หรือ Mainstreaming )
- การศึกษาแบบเรียนรวม  ( Inclusive  Education )

  การศึกษาแบบเรียนร่วม  ( Integrated Education  หรือ Mainstreaming )
หมายถึง  เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนา  ได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา
 ***ถ้าเด็กพิเศษเข้าไปเรียนหลักสูตรการสอนก็เหมือนเดิม  เด็กพิเศษและเด็กปกติหากได้รับอะไรก็ได้รับเหมือนกัน   โดยมีครูปฐมวัย และครูการศึกษาพิเศษเป็นผู้ดูแล
    การศึกษาแบบเรียนร่วมมี 2 ประเภท
1.การเรียนร่วมบางเวลา  คือ  การนำเอาเด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา  ช่วงใดช่วงหนึ่งของวัน  เช่น  ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ   กิจกรรมศิลปะ   เพราะกิจกรรมพวกนี้สามารถบำบัดเด็กได้
 เสร็จแล้วนำเด็กกลับสู่ห้องเรียนปกติของตนเอง  เด็กพิเศษระดับปานกลางถึงระดับมาก
2.การเรียนร่วมเต็มเวลา  คือ การนำเอาเด็กพิเศษเข้าไปเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน และเด็กพิเศษสามารถได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
เด็กพิเศษระดับอาการน้อยๆ หรือปกติ






การศึกษาแบบเรียนรวม   ( Inclusive  Education )
หมายถึง  การศึกษาสำหรับเด็กทุกคน  จัดให้บริการพิเศษตามความต้องการของเด็กแต่ละคน  รับเด็กเข้ามาเรียนร่วมตั้งเเต่เริ่มเข้ารับการศึกษา   โดยมีผู้ปกครอง  พ่อแม่  และครูเป็นผู้ดูแล   ต่างฝ่ายต่างเข้าหาซึ่งกันเเละกัน  เด็กปกติจะเข้าใจว่ามนุษย์ต้องมีความเท่าเทียมกัน  ต้องเข้าใจว่าเพื่อนทุกคนมีความเท่าเทียมกัน
สรุปความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
- ทุกคนยอมรับรับว่า ผู้พิการ  อยู่ในสังงคมและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติโดยไม่มีการแบ่งเเยก
-  เด็กเป็นผู้เลือกโรงเรียนไม่ใช่โรงเรียนเลือกเด้ก
-  เป็นการศึกษาสำหรับเด็กทุกคน
- เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียนทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม   และดำเนินการเรียนในลักษณะ  รวมกัน  ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่งของสังคม  ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน
ความสำคัญของการศึกษาเเบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
- เด็กปฐมวัยเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการเรียนรู้
- สอนได้
- เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด





Inclusive  Education  is Education  for  all
It  involves   receiving  people
at  the beginning  of  their  education
with  provision  of  additional  services
needed  by  each  individual

การศึกษาเเบบเรียนรวมเป็นการศึกษาสำหรับเด็กทุกคน
และเด็กทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาตั้งเเต่ขั้นต้น ( เด็กอนุบาล )
และไม่ลืมว่าเด็กเเต่ละคนมีความต้องการที่เเตกต่างกันเฉพาะบุคคล  
คนเป็นครูต้องเข้าใจและเปิดใจด้วย  คนเป็นครูต้องเปิดโอกาสทุกด้าน 
 เพราะจะทำให้เด็กเกิดการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ

*** ทำไมการศึกษาแบบเรียนร่วมสำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยที่สุด***
เพราะสมองกำลังเกิดการพัฒนา  กำลังสร้างเซลล์สมอง ถ้าเซลล์สมองเลยอายุ  6 ขวบไปแล้วเซลล์สมองจะเสื่อม  เพราะเซลล์สมองจะไปพัฒนาด้านอื่นของร่างกายต่อไป


 บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม

1.ครูไม่ควรวินิจฉัยเด็ก  หมายถึง  การตัดสินใจโดยดูจากอาการ หรือสัญญาณบางอย่างที่เด็กแสดงออกมา
2.ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทของเด็ก  เพราะจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี   ห้ามตั้งฉายา   ห้ามดูถูกเด็ก
3.ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าบางอย่างของเด็กผิดปกติ  เพราะจะช่วยให้ผู้ปกครองมีความหวังและเห็นแนวทางที่จะช่วยเด็กให้เกิดการพัฒนา

หน้าที่ของครู / สิ่งที่ครูต้องทำ
- ครูสามารถชี้ให้เด็กเห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ
- ครูให้คำแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย
- ครูสังเกตุเด็กอย่างมีระบบ
- ครูจดบันทึกพฤติกรรมเป็นช่วงๆ ของเด็กตามความจริง

การสังเกตุอย่างเป็นระบบหมายถึง  การสังเกตุเป็นประจำ  ไม่ใช่สังเกตุจากตาเปล่า  ครูต้องอยู่กับเด็กตลอดเวลา  อยู่ทั้งวัน
การตรวจสอบหมายถึง  ครูจะทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร  เพื่อเป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูและพ่อแม่เข้าใจเด็กได้ดีขึ้น   และครูสามารถบอกได้ว่าเรื่องใดบ้างที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ

ข้องควรระวังในการปฎิบัติ  
1.ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้
2.ครูประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้
3.พฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปรากฎให้เห็นเสมอ

การบันทึกการสังเกตมี  3  ประเภทคือ
1.การนับอย่างง่ายๆ  หมายถึง  นับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรม  กี่ครั้งในเเต่ละวัน กี่ครั้งในเเต่ละชั่วโมง   ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม    เช่น การกระทืบเท้า  การกระโดด
2.การนับแบบต่อเนื่อง  หมายถึง  ให้รายละเอียดได้มาก   เขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง  หรือช่วงกิจกรรมหนึ่ง  โดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำช่วยเหลือ
3.การบันทึกไม่ต่อเนื่อง  หมายถึง  บันทึกลงบัตรเล็กๆ  เป็นการนับสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละวันในช่วงเวลาหนึ่ง

การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป  ครูควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่องมากกว่าชนิดของความบกพร่อง   และหาครูได้พฤติกรรมของเด็กที่ไม่เหมาะสมที่พบได้จากเด็กทุกคน  ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ   ในการตัดสินใจครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง  เพราะพฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น  ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่








  หลังจากอาจารย์ผู้สอนได้ให้ความรู้กับนักศึกษอาจารย์ก็ได้ให้นักศึกษาวาดภาพดอกชบาที่นักศึกษามองเห็นให้เหมือนตัวแบบที่สุด  และเมื่อวานเสร็จแล้วให้อธิบายอะไรก็ได้จากภาพที่ว่า

โดยของดิฉันอธิบายจากภาพวาดว่า....
ด้านหลังของดอกชบาถึงแม้จะไม่เห็นความสวยงามของมันเวลาเรามอง เราก็ควรจะมองทั้งด้านหน้าและด้านหลังของมันด้วย  เปรียบกับคนเราจะเป็นคนดีมันต้องดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง





มาร้องเพลงกันเถอะ
































ประเมินการเรียนการสอนรายสัปดาห์

ประเมินตนเอง
ในรายสัปดาห์นี้ตั้งใจทำงาน  ตั้งใจฟังอาจารย์สอน  เเต่งกายเรียบร้อย  แต่สีผมไม่เรียบร้องต้องปรับปรุง
ประเมินเพื่อน
ในรายสัปดาห์นี้เพื่อนมาเรียนครบ  ตั้งใจเรียน  ตั้งใจฟัง  และตั้งใจทำงานที่อาจารย์สั่ง  แต่งกายเรียบร้อย  อาจารย์ชมเชยว่าสัปดาห์นี้สอนง่าย น่ารัก
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
ในรายสัปดาห์นี้อาจารย์แต่งกายเรียบร้อย  เข้าสอนตรงต่อเวลา  และสอนรู้เรื่องเข้าใจง่าย  และใจดีเว่อร์


ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

Cute Grapes 2 เอาไปใช้แล้วช้วยเม้นท์หน่อยนะ^^ Cute Grapes 2